วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ชีวิตคือการเดินทาง..


เคยมีคนเคยบอกว่า...
"ชีวิต" คือ "การเดินทาง" ที่ต้องเรียนรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แต่ละวัน.. เราก้าวไปบนเส้นทาง ที่เราเลือกที่จะเดิน
..เลือกที่จะเป็น โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า
ทางข้างหน้า.. จะเป็นยังไง
...
คงไม่มีใครอยากให้มัน "ผิดพลาด"
อยากให้หนทางของเรานั้น สวยงามไปในแบบที่เราคิด
...
บางวัน.. เราก้าวเดินอย่างรวดเร็ว
เร็วจนแทบจะวิ่ง.. ด้วยความเชื่อมั่น
...
บางวัน.. ใจดวงเดิมของเรา มันก็กลับฝ่อ
เราแทบจะหยุดนิ่ง.. หมดแรง ไม่เข้าใจกับหลายสิ่ง
.. ที่ไม่ได้คาดคิดเอาไว้
...
บางวัน.. เราจึงขอเดินให้ช้าลงสักนิด
เพื่อจะได้มีเวลาคิดทบทวน หรือชื่นชมทิวทัศน์ข้างทางบ้าง
...
จนบางที.. ก็มารู้ตัวว่า เราอาจเดินมาผิดทางด้วยซ้ำ
หรือสงสัยว่า.. ตัวเองกำลังหลงทางอยู่หรือเปล่า
...
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่เจอกับทางออก
เพราะอย่างน้อย.. เราก็ได้ลองไป ในที่ที่ไม่เคยไป
หรือเราอาจจะกำลังไป ในที่ที่ไกลกว่าเดิมก็ได้
...
หากชีวิต คือ การเดินทางจริงๆ
เมื่อมี "เริ่มต้น" ก็ต้องมี "จุดหมายปลายทาง"
และมีทางออกให้กับทุกเส้นทางเสมอ
.. ให้เวลา กับ หนทาง แล้วมันจะพาไปเจอเรื่องใหม่ๆ
...
แม้บางครั้ง..
หนทางจะพาเราย้อนกลับมา เจอเรื่องเดิมๆ อย่างหนีไม่พ้น
เราอาจต้องหัวเราะและร้องไห้ ไปอีกสักกี่ครั้ง ก็ไม่เป็นไรหรอก
...
เพราะทุกขณะที่ผ่านไป เรากำลังได้บทเรียนเพิ่มขึ้นมา
และจงทำความรู้จัก.. กับความรู้สึกของตัวเองให้มากขึ้น
ให้ตัวเองได้ลองทำ แล้วทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี
.

ความหมายซึ้งๆของคำว่าเพื่อน

คือ....ความหมายของคำว่าเพื่อน
เมื่อพวกเธอ คือ "เพื่อน" ..............ในความหมายของฉัน


"เพื่อน" คือ "มิตรภาพที่ดี"
ที่ช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายให้กับความรู้สึกของเราได้
แม้ว่า "เพื่อน" อาจจะไม่ได้เป็นทุกอย่าง...
ไม่ได้เป็นทั้งหมดในชีวิตของเราก็ตาม


"เพื่อน" คือคนช่วยประคับประคอง ช่วยปลอบใจ
"เพื่อน" คือคนที่ไม่ทิ้งกัน
และไม่ทิ้งให้เพื่อนกันหลงไปผิดทางหน่ะ
และก็ไม่ทิ้งเพื่อนกันไว้ ให้นอนตายแอ่งแม้งอยู่กลางป่าคนเดียวด้วย


แต่ถ้า "เพื่อน" ไม่ทะเลาะกันบ้าง ไม่ผิดใจกันบ้าง
แล้วมันจะใช่คำว่า "เพื่อน" รึ....ก็ไม่มีทางรู้หัวใจกันซิ
ชีวิตของคำว่า "เพื่อน" ก็ไร้รสชาติและสีสันแย่สิ
((อย่าลืมว่า "คน" ไม่ใช่หุ่นยนต์ ถึงจะได้ไร้ "อารมณ์" กันหน่ะ))


คิดดูดิ "พ่อแม่พี่น้องคนในครอบครัว"
ยังมีตีกันเพื่อความเข้าใจกันเลย
ไม่แปลกหรอก ใช่ไหม...ถ้าจะพลาดพลั้งตีต่อย
และ "โชว์งิ้ว"กันไปบ้าง


แต่ยังไง....
คำว่า "เพื่อน....จะคงอยู่ได้"
ต้องมีการพูดคุย เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้สึก
และสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกันบ้าง


ไม่อย่างนั้น "ความไม่เข้าใจกัน"(ความเงียบ)
ก็อาจทำให้มิตรภาพที่ดีนั้นสิ้นสุด.....ลงได้


((ขึ้นชื่อว่าเป็น "คน" ไม่ว่าอยู่ในสถานะใดๆ
ไม่มีใครหยั่งรู้ทุกอย่างได้หมดหรอก))
(("เพื่อน" ต้องช่วยบอก ช่วยสอนกันให้เข้าใจ ไม่ใช่พูดแต่คำปริศนาหน่ะ
มัน.งง.))


เราว่าคำว่า "เพื่อน" เป็นอะไรที่ดีม๊ากมากและ
"ยิ่งใหญ่" มากกว่าคำว่า "แฟนหรือคนรัก" เสียอีก
หากว่าใครสามารถมี "เพื่อนแท้ๆ" ได้เพียงแค่ 1คน ในชีวิตเรา
ก็ต้องนับว่าคนๆนั้นโชคดีม๊ากมากเลย


ถ้าหากหาแฟนหรือคนรักสักคน
ถ้าหาคนที่สามารถเป็น "เพื่อน" กับเราได้ด้วยก็ดีนะ
เพราะคำว่า "เพื่อน" มันมีอาถรรพ์ที่ขลังสุดสุดเลยไง
เพราะมันเป็น "มิตรภาพ....ที่ยั่งยืน
และก่อกวนให้คละเคล้า....คนให้เข้ากันกะทุกคนได้ดี"


((แต่คำอื่น เลิกกันแล้วก็หมดความหมายต่อความรุ้สึกกันไปเลย))


และจะว่าไปแล้ว
คนเราก็มี "เพื่อนแท้ในชีวิตติดตัวมาตั้งแต่เกิด" แล้วหล่ะ
คือ"คนในครอบครัวของเรา" ไง
พวกเขาเป็นเพื่อนแท้ในชีวิตของเรา


แม้พวกเขาอาจไม่ใช่ "เพื่อนแท้....ในอุดมคติ"ที่เราตามหากันก็ตาม


แต่พวกเขาก็เป็นคนที่เราท้าตีต่อยยามไม่มีใครมาร่วมรบกะเรา
เป็นคนที่เห็นข้อดีข้อเสียของเรา....มาตั้งแต่เด็ก
และเป็นคนที่ยังต้องมีกันและกันทั้งตลอดมา และยังคงตลอดไป


เพราะชีวิตนี้...
เราหนีพวกเขาไม่พ้น และพวกเขาก็หนีเราไม่พ้นหรอก
จริงไหม....


ถึงแม้ บางคนของพวกเค้าอาจจะไม่อยู่บนโลกนี้แล้วก็ตาม
แต่พวกเค้าก็ยังคงเป็น "เพื่อน" ที่ยังอยู่ในใจของเราเสมอแหละ
เป็นกำลังใจ เป็นความคิดถึง เป็นความดีใจ เป็นความเสียใจ
เป็นความรู้สึกทั้งที่ดีและอาจจะไม่ดีต่อกันบ้างในบางครั้ง
แต่จริงๆ มันก็คือความรู้สึกของคำว่า "เพื่อน" นั่นแหละ
คุณว่าไหม....


ว่าแล้วพวกคุณได้ทำอะไรดีๆให้กับ "เพื่อนที่ติดตัวคุณมาตั้งแต่เกิด" และ
"เพื่อนที่อยู่ในครอบครัวเดียวกันกะคุณ" แล้วหรือยัง


เพราะหากแม้นชีวิตนี้แม้มีครบทุกสิ่ง
หากแต่ไร้ซึ่งมิตรภาพของคำว่า "เพือน" อยู่ในหัวใจของคุณ
ชีวิตนั้นย่อมไร้ซึ่งความหมายใดๆในความรู้สึก
คงกลายเป็นมนุษย์หุ่นกระบอกหรือมนุษย์หุ่นยนต์ ทื่อๆแข็งๆชอบก๊ล
คุณว่าไหม.....

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ทำไมวันวาเลนไทน์ ถึงให้ ช็อกโกแลต?

สงสัยกันมั้ย..ว่าของขวัญที่มอบให้กันในวันวาเลนไทน์ นอกจากดอกกุหลาบ..แล้วทำไมถึงนิยมมอบ Chocolate ให้กัน?

เค้า ว่ากันว่า…ในยุคโรมันที่นักบุญวาเลนไทน์ได้เสียชีวิตนั้น ช็อคโกแลตยังเป็นของหายากจึงเป็นสิ่งที่มีค่าที่คนรักจะมอบแทนใจให้กันได้ จึงส่งไปพร้อมการ์ดและดอกไม้ ซึ่งสื่อความหมายของความรักมาแต่ไหนแต่ไรแล้วก็ได้ และอาจจะรวมไปถึง การที่ช็อคโกแลตเคยเป็นสัญลักษณ์ของ เสรีภาพ มิตรภาพ และสันติภาพ ในช่วงที่ สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงด้วยก็ได้ หรืออาจมาจากการที่ช็อกโกแลตนั้น สามารถช่วยกระตุ้นอารมณ์รักได้ด้วย เพราะมีเรื่องเล่าขานกันมาว่า นายมองเตชูมา นักรบผู้พิชิตแห่งสเปน มักจะดื่มช็อกโกแลตเป็นประจำเสมอ ก่อนไปหาเหล่าสาวๆในฮาเร็มของเขาค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อให้ช่วยกระตุ้นอารมณ์รักค่ะ
นอกจากช็อคโกแลตจะเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพและมิตรภาพแล้ว ช็อคโกแลตยังมีประโยชน์อีกมากมายเลยล่ะค่ะ
ในตัวช็อกโกแลตนั้น มีส่วนประกอบสำคัญเรียกว่า Flavonoid เป็นสารซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และป้องการก่อตัวของไขมันในเส้นเลือดป้องกันโรคหัวใจและการเกิดมะเร็ง ที่สำคัญยังช่วยให้แก่ช้าด้วยนะคะ นอกจากนี้ในช็อคโกแลตยังมีสารบางขนิดไปกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเคมีแห่งความสุขที่ชื่อเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ออกมา ซึ่งจะช่วยลดความเครียดและทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีขึ้นด้วยค่ะ
เมื่อเห็นข้อดีของ Chocolate แบบนี้แล้ว ไม่ใช่ว่าจะรีบไปหาซื้อมากินกันซะเยอะเกินพิกัดนะคะ หรือถ้าใครที่ได้รับ Chocolate ในวันวาเลนไทน์หลายก้อน ก็เก็บไว้กินวันอื่นๆบ้างนะคะ เพราะถ้ากินเยอะเกิน เดี๋ยวความอ้วนจะถามหา แนะนำ Dark Chocolate แบบ Low fat ค่ะ ซื้อไว้กินเพื่อสุขภาพกัน